วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอเชียงแสน




พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน

ตั้งอยู่ติดกับวัดเจดีย์หลวงทางด้านทิศตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500  เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดพบในบริเวณเมืองเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง และจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเกี่ยวกับการตั้งชุมชน  นอกจากนี้ยังมีแบบจำลองการตั้งถิ่นฐานของชุมชนกลุ่มต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เชียงแสน
ค่าธรรมเนียมเข้าชม ท่านละ 10 บาท

เปิดทำการตั้งแต่เวลา  09.00 – 16.00   ทุกวัน  ยกเว้นวันจันทร์  อังคาร  และวันหยุดนักขัตฤกษ์

วัดพระธาตุเจดีย์หลวง

 เป็นธรรมเนียมของการสร้างเมืองจะต้องมีเจดีย์ประจำเมือง เจดีย์หลวงคือเจดีย์ประจำเมืองเชียงแสนที่สร้างขึ้นมาในช่วงต้นของการสร้างเมืองเชียงแสน การสร้างนั้นสร้างตามหลักการสร้างวัดตามโบราณคือ มีเจดีย์ประธานอยู่กลาง มีเจดีย์รายล้อมรอบทั้ง 4 มุม และมีพระอุโบสถอยู่ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์

เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูงแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดของเมืองเชียงแสน ทัวร์ดอยพานักท่องเที่ยวไปสถานที่นี้อยู่บ่อยๆ เจดีย์หลวงสร้างราวปี พ.ศ.1887  ต่อมามีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เจดีย์อง
ปัจจุบันที่อยู่ในสภาพดีนั้นเป็นเจดีย์ที่ก่อขึ้นมาใหม่บนฐานเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2058

สถานที่ตั้งและการเดินทาง    วัดเจดีย์หลวงอยู่ในภายในกำแพงเมืองเชียงแสน จากสามแยกเชียงแสนริมแม่น้ำโขง เลี้ยวขวามาตามเส้นทางสาย 1016 ประมาณ 300 เมตรก็ถึง วัดเจดีย์หลวงอยู่ทางซ้ายมือ




วัดป่าสัก

         ตั้งติดกับกำแพงเมืองด้านนอกฝั่งทิศตะวันตก พื้นที่วัดมีบริเวณกว้างขวางวางขนานไปกับคูเมืองตั้งแต่ป้อมประตูเมืองเชียงแสน จนถึงป้อมประตูหนองมูต  ภายในวัดมีโบราณสถาน 7 แห่ง แต่ละแห่งล้วนเป็นฮิฐส่วนฐานของสิ่งปลูกสร้างกับแนวอิฐที่บ่งบอกแนวสิ่งก่อสร้างนั้นๆ มีอยู่สิ่งเดียวที่ยังคงสมบูรณ์ที่สุดคือเจีดย์ประธานทรงปราสาทยอดทรงระฆังแบบห้ายอด มีลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เจดีย์นี้สร้างโดยพญาแสนภู เมื่อ พ.ศ. 1883 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระพุทธโฆษาจารย์ได้อัญเชิญมาจากอินเดีย  หลังจากสร้างวัดแล้วได้ปลูกต้นสักล้อมรอบกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้เรียกชื่อว่าวัดป่าสัก
ค่าธรรมเนียมในการเข้าชม   ท่านละ 10 บาท

การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงแสนใช้เส้นทางสาย 1016  จนกระทั่งออกนอกกำแพงเมืองให้เลี้ยวขวาก็ถึงแล้ว






วัดพระเจ้าล้านทอง


         ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงแสน เยื้องขึ้นมาจากวัดเจดีย์หลวงประมาณ 400 เมตร ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเรียกว่า พระเจ้าล้านทอง วัดนี้ตามตำนานระบุว่าสร้างราว พ.ศ. 2032 โดยพระยาศรีรชฎเงินกอง พระโอรสของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์เชียงใหม่ เมื่อสร้างวัดขึ้นแล้วได้เททองหล่อพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำริดหนัก 1,200 กิโลกรัม เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระเจ้าล้านทอง เป็นที่มาของชื่อวัดพระเจ้าล้านทอง  ปัจจุบันพระอุโบสถกำลังซ่อมแซมจึงยังไม่เห็นความงดงามและไม่สามารถเข้าไปในพระอุโบสถได้  ด้านหลังเป็นเจดีย์





วัดพระธาตุผาเงา


         ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงแสน เยื้องขึ้นมาจากวัดเจดีย์หลวงประมาณ 400 เมตร ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเรียกว่า พระเจ้าล้านทอง วัดนี้ตามตำนานระบุว่าสร้างราว พ.ศ. 2032 โดยพระยาศรีรชฎเงินกอง พระโอรสของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์เชียงใหม่ เมื่อสร้างวัดขึ้นแล้วได้เททองหล่อพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำริดหนัก 1,200 กิโลกรัม เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระเจ้าล้านทอง เป็นที่มาของชื่อวัดพระเจ้าล้านทอง  ปัจจุบันพระอุโบสถกำลังซ่อมแซมจึงยังไม่เห็นความงดงามและไม่สามารถเข้าไปในพระอุโบสถได้  ด้านหลังเป็นเจดีย์
ตั้งอยู่นอกเมืองเชียงแสนไปตามเส้นทางเลาะแม่น้ำโขงสายเชียงแสน - เชียงของ ห่างจากตัวเมือง
เชียงแสน 4 กิโลเมตร  หากไปจากตัวเมืองเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่ทางด้านขวามือประมาณหลักกิโลเมตรที่ 48 และ 49 จุดเด่นของวัดพระธาตุผาเงาคือองค์พระธาตุผาเงาที่ตั้งประดิษฐานอยู่บนก้อนหินหลังพระอุโบสถ ลักษณะเดียวกับเจดีย์พระธาตุอินแขวนของพม่า  ด้านหน้าของพระธาตุเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถเป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิมที่เก่าพุพัง ในการสร้างได้ขุดพบพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบเชียงแสนที่มีความงดงาม ปัจจุบันพระพุทธรูปดังกล่าวตั้งประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ วัดนี้ไม่มีบันทึกว่าสร้างเมื่อใดและใครเป็นผู้สร้าง  พระอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมีลวดลายวิจิตรงดงามด้วยศิลปะแบบล้านนาเชียงแสนประยุกต์  ด้านหลังพระอุโบสถเป็นบรรไดนาคขึ้นไปสู่พระธาตุเก่าบนยอดเขาซึ่งตอนนี้เหลือแต่เพียงฐานศิลาแลง เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธ์ที่คนแถวนี้นับถือ ผมขึ้นไปทีไรเห็นมีคนท้องถิ่นแถวนี้เอาเครื่องถวายต่างๆ มาไหว้อยู่เป็นประจำ ชื่อพระธาตุอะไรจำไม่ได้แล้ว



สามเหลี่ยมทองคำ

         เป็นจุดบรรจบกันของ 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า ระหว่างลาว-พม่า มีแม่น้ำโขงกั้น  ระหว่างไทย-พม่า มีแม่น้ำรวกกั้น  จุดบรรจบกันของทั้งสามประเทศมีตะกอนทรายทับถามอยูกลางน้ำ จุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงาม วิวฝั่งลาวมีแต่ป่าไม่มีชุมชน  ฝั่งพม่ามีอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ่อนคาสิโนที่นักลงทุนไทยไปทำไว้เพื่อความสร้างความเพลิดเพลินให้นักท่องเที่ยว  ฝั่งลาวถัดไปทางด้านท้ายน้ำมีเกาะของลาวเกาะหนึ่งชื่อว่าเกาะดอนซาว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้โดยเสียค่าขึ้นเกาะ 20 บาท บนเกาะเป็นแหล่งขายสินค้าปลอดภาษี ไม่น่าแวะขึ้นให้เสียเวลา   นับแต่ปีท่องเที่ยวนี้เป็นต้นไป ( 2548 ) สามเหลี่ยมทองคำมีจุดท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมคือมีการสร้างพระพูทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนเรือนาวา และสร้างตุงทองขนาดใหญ่ และสร้างอีกหลายเชือก และมีอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายด้วย  นอกจากจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีเรือหางยาวให้บริการพานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมวิวสามประเทศ โดยเรือจะพาอ้อมเลาะฝั่งพม่า ขากลับเลาะริมฝั่งลาว แล้วพาวนไปชมวิวแถวเกาะดอนซาวของลาว สนใจติดต่อเรือให้บริการได้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำโขง


หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ

            หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวอาคารล้อมรอบด้วยสวนอันสวยงาม เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่นเมื่อสมัยที่มีการใช้กันอย่างถูกกฏหมายและผลกระทบของการเสพติดฝิ่น อีกทั้งยังทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องในหัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆและยาเสพติดอื่นๆ หอฝิ่นเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ระหว่างเวลา 08.30-16.00 น. ค่าเข้าชมบุคคลทั่วไป ต่างชาติ 300 บาท คนไทย 200 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 50 บาท (เฉพาะคนไทย)เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ฟรี


วัดพระธาตุภูเข้า 


       ตั้งอยู่บนดอยเชียงเมี่ยง บริเวณสบรวก ห่างจากเชียงแสนผ่านไปทางสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 11 กิโลเมตร สร้างประมาณปี พ.ศ. 1302  ในสมัยพระยาลาวเก้าแก้วมาเมือง กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งแคว้นหิรัญนครเงินยาง ภายในวัดมีวิหารที่ตกแต่งด้วยลาดลายปูนปั้นที่สวยงาม ด้านหลังวิหารเป็นที่ตั้ง

 

วัดพระธาตุสองพี่น้อง



         เชียงแสนมีวัดเยอะครับ วัดเล็กวัดน้อยล้วนเก่าแก่พุพังอยู่เป็นจำนวนมากเที่ยวกันไม่หมดแต่วัดนี้อยู่บนเส้นทางผ่านที่จะไปเชียงของเลยจากวัดพระธาตุผาเงาไปประมาณ 1 กิโลเมตรในวัดมีเจดีย์ประธานทรงปราสาทวัดนี้พญาแสนภูสร้างขึ้นก่อนสร้างเมืองเชียงแสนปัจจุบันยังมีร่องรอยของกำแพงเมืองให้เห็น





พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์

  เป็นเจดีย์สีขาวตั้งเด่นอยู่บนภูเขาลูกเตี้ยๆ ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองเชียงแสน  เจดีย์องค์ปัจจุบันเป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างคล่อมพระธาตุองค์เดิม พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ที่สร้างใหม่มีขนาดใหญ่ภายในเป็นห้องโถง กึ่งกลางเจดีย์เป็นฐานของพระธาตุเก่าที่พุพัง  บริเวณผาผนังเป็นภาพเขียนบอกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน  บนเจดีย์นี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามมาก

ทะเลสาบเชียงแสน

          ทะเลสาบเชียงแสนหรือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบ่งคาย มีชื่อเสียงในหมู่นักดูนกเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของนกน้ำและนกทุ่งจำนวนมาก ในฤดูหนาวจะมีนกอพยพจากต่างถิ่นจำนวนมหาศาล รวมทั้งนกพันธุ์หายากมากมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีกิจกรรมให้ได้สนุกเพลิดเพลินกันทั้งครอบครัว หรือถ้าหากมากันเป็นคู่ก็โรแมนติกเหลือประมาณ ทั้งผืนน้ำ ผืนป่า และม่านหมอกในฤดูหนาว  
  ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นหนองน้ำเล็กๆ แต่ต่อมามีการสร้างฝ้ายกั้นน้ำทำให้น้ำ
ล้นกลายเป็นทะเลสาบ ได้รับการดูแล ถือเป็นเขตอนุรักษ์ภายใต้การดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงแสนมาทางทิศใต้เพียง 5 กิโลเมตร บรรยากาศสงบ ร่มรื่น เหมาะที่จะมาพักผ่อน บริเวณรอบทะเลสาบเป็นเนินเตี้ยๆ มีรีสอร์ทให้บริการที่พัก ให้เช่าจักรยาน และเรือแคนูให้พายเล่นรับลมในทะเลสาบ นอกจากนี้ยังสามารถกางเต็นต์ค้างคืนได้ริมน้ำเพื่อตกปลา หรือรอชมภาพพระอาทิตย์ดวงโตสีแดงตกคล้อยลงไปตามเส้นขอบฟ้าตัดกับผืนน้ำ สวยงามน่าประทับใจ อีกทั้งยังมีสะพานไม้เป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และจุดที่โดดเด่นที่สุดคือ ได้เฝ้าดูนกทุ่งและนกน้ำนานาชนิด โบยบินไปมาเป็นฝูง จิกหาอาหารตามพื้นดิน หรือทอดตัวอยู่ในน้ำนิ่งของทะเลสาบ ที่นี่เป็นแหล่งรวมของนกเป็ดน้ำที่มีหลากสายพันธุ์และมีจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตัวอย่างนกที่พบเจอได้ที่นี่ เช่น นกโปชาดหลังขาว เป็ดดำหัวสีน้ำตาล เป็นต้น ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่จะมาเยือนทะเลสาบเชียงแสนคือ ฤดูหนาวเมื่ออากาศเย็นสบาย มีลมมรสุมจากทางตอนเหนือของประเทศ จะมีฝูงนกมากมายบินมาอาศัยอยู่ที่นี่หลบลมหนาว เช่น เป็ดไบคาล เป็ดหัวเขียว เป็ดพม่า เป็ดปากสั้น เป็ดเทาพันธุ์อินเดีย เป็นต้น ซึ่งหลายชนิดหายากและมีสีสันสวยงาม เปิดให้บริการทุกวัน ไม่เสียค่าใช้จ่าย
    การเดินทาง: เริ่มจากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงรายใช้เส้นทางหลวง
หมายเลข 1 เมื่อถึงทางแยกไปอำเภอเชียงแสน ระยะทาง 33 กิโลเมตร ให้เปลี่ยนเส้นทางไปทางหลวงหมายเลข 1016 อำเภอแม่จัน  อำเภอเชียงแสน ถึงกิโลเมตรที่ 27 ณ บ้านกู่เต้า เปลี่ยนไปใช้เส้นทาง ร.พ.ช. สายบ้านกู่เต้า  ดอยงาม ขับประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย รวมระยะทางทั้งหมด จากจังหวัดเชียงราย  เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย ราวๆ 62 กิโลเมตร มีป้ายขนาดใหญ่หน้าทางเข้าสังเกตง่าย






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น